พฤติกรรมการดื่มของพ่อ
น่าจะมีความเชื่อมโยงกับความผิดปกติของทารกแรกคลอดจริง
คำเตือนว่า แม่ไม่ควรดื่มน้ำเมาในขณะตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง โดยเกิดจากงานวิจัยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในผู้หญิงตั้งครรภ์ส่งผลต่อทารกให้เกิดมาพิการได้
หากแต่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เกิดคำถามใหม่ขึ้นมา และได้รับความสนใจมากขึ้นในวงการวิจัยเรื่องผลกระทบของการดื่มแอลกอฮอล์ต่อทารกในครรภ์ คำถามสำคัญที่ว่านั้นคือ การดื่มน้ำเมาของพ่อมีผลต่อลูกที่ปฏิสนธิขึ้นมาบ้างหรือไม่?
โดยพบการวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสังเกตการณ์ที่ทำในประเทศจีนพบว่า ความเสี่ยงในการเกิดปัญหาความผิดปกติของทารกตั้งแต่แรกเกิดที่สูงกว่าปกติ หากเป็นเด็กที่กำเนิดจากพ่อที่ดื่มน้ำเมามาก่อนจะมีการปฏิสนธิลูก ถึงแม้ว่าเป็นทารกที่เกิดจากแม่ที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลยก็ตาม เช่น เพดานโหว่ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และความผิดปกติในท่อทางเดินอาหาร
ทั้งนี้ เป็นการศึกษาจากการสังเกตทารกแรกคลอดจำนวน 5,000 คน ที่สุขภาพแข็งแรงปกติ เปรียบเทียบกับทารกอีกจำนวน 5,000 คนเท่ากัน ที่มีปัญหาความผิดปกติตั้งแต่แรกคลอด โดยวิเคราะห์ร่วมกับพฤติกรรมการดื่มของพ่อและแม่
แม้ว่าการวิจัยเชิงสังเกตการณ์นี้ จะสามารถทำให้เชื่อได้มากขึ้นว่า พฤติกรรมการดื่มของพ่อน่าจะมีความเชื่อมโยงกับความผิดปกติของทารกแรกคลอดอย่างที่สงสัยกัน แต่ด้วยข้อจำกัดในการทำวิจัยในคน ทำให้การวิจัยในประเทศจีนที่ดีที่ตีพิมพ์ในปี 2564 นี้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า การดื่มน้ำเมาของพ่อเป็นปัจจัยในการเกิดความผิดปกติของทารกจริงอย่างที่สงสัยหรือไม่เนื่องจากว่า การวิจัยในคนลักษณะนี้ นักวิจัยไม่สามารถควบคุมปัจจัยที่อาจเป็นปัจจัยร่วมอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ได้
แต่การจุดประกายของการวิจัยเชิงสังเกตการณ์ของจีนอันนี้เอง ทำให้ ไมเคิล โกติก นักสรีรวิทยาพัฒนาการ มหาวิทยาลัยเท็กชัส เอแอนด์เอ็ม ซึ่งมุ่งเน้นศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพัฒนาการตัวอ่อนทารกในครรภ์ กับผลจากการได้รับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำการทดลองในห้องปฏิบัติการและดูผลของปัจจัยเรื่องการดื่มน้ำเมาของพ่อ
ผลการวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ และสรุปได้อย่างชัดเจนว่า แอลกอฮอล์จากพ่อหนูทดลองมีผลต่อลูกหนูที่ปฏิสนธิขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งจากการวิเคราะห์ในระดับสมองของหนูทดลองทำให้เชื่อได้ว่า ผลจากการดื่มแอลกอฮอล์ของพ่อมีผลต่อลูกที่ปฏิสนธิขึ้นมา เพราะแอลกอฮอล์มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอของพ่อนั่นเอง
