พม. ร่วมแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือ หนุนอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ความเห็นทั่วไป ข้อ 26 ว่าด้วยสิทธิเด็กและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานพิธีเปิดและกล่าวแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือ
การทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ความเห็นทั่วไป ข้อ 26 
ว่าด้วยสิทธิเด็กและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สอดคล้อง
กับหลายประเทศทั่วโลกในการประสานความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างการรับรู้
สร้างความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิเด็กและสิ่งแวดล้อม และร่วมเฉลิมฉลองการเปิดตัวอนุสัญญา
ดังกล่าว ที่จัดขึ้น ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมี นางอภิญญา ชมภูมาศ
อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวรายงาน  ณ ห้องประชุม ชั้น 11 กรมกิจการเด็ก
และเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ

นายอนุกูล กล่าวว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ 93 ในเดือนพฤษภาคม 2566 ได้รับรองความเห็นทั่วไป ข้อที่ 26 ว่าด้วยสิทธิเด็ก
และสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการเปิดรับความคิดเห็น
แบบออนไลน์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงกุมภาพันธ์ 2566 ทั้งนี้ รัฐภาคีจำนวนกว่า 
196 ประเทศ ที่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รวมถึงประเทศไทย โดย
กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวง พม. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดำเนินงาน
ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กในประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการขับเคลื่อน
ความเห็นทั่วไป ข้อที่ 26 เพื่อสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน และผลักดันให้เกิดการ
ดำเนินงานต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบ
ถึงเด็กและทุกคนในประเทศไทย โดยความคิดเห็นของเด็กต้องได้รับการพิจารณาในการ
ตัดสินใจด้านสิ่งแวดล้อมทุกด้านที่กระทบถึงตัวเด็ก 

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการของประเทศไทย รัฐบาลได้มีการประกาศแนวทางการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าว จะต้องมีมาตราการการจัดการในภาคส่วนต่างๆ อย่างเหมาะสม อีกทั้งรัฐบาลยังต้องให้ความสำคัญในการจัดการปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนผู้ใช้แรงงาน คนยากจนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรมหรือพื้นที่เสี่ยงมลพิษทางอากาศมากกว่าปกติ รวมทั้งเด็กและเยาวชน ที่มีโอกาสได้รับฝุ่นและสารพิษจากมลพิษทางอากาศมากกว่าผู้ใหญ่ 

        นายอนุกูล กล่าวต่อไปอีกว่า เวทีการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในวันนี้ เป็นโอกาสสำคัญในการแสดงเจตนารมณ์ของทุกภาคส่วน เพื่อเน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกันในการคุ้มครองเด็กให้ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ มีน้ำดื่มที่ปลอดภัย ถูกสุขอนามัยและเพียงพอ มีความมั่นคงทางอาหาร และมีสิ่งแวดล้อมปราศจากมลพิษ และเพื่อยืนยันว่าเด็กมีสิทธิในการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด ดีต่อสุขภาพ และยั่งยืน สอดคล้องอนุสัญญาสิทธิเด็ก ข้อ 26 ที่มุ่งเน้นประเด็นเรื่องสิทธิเด็ก
และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

        นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ
ด้านคุณภาพชีวิตของคนทุกช่วงวัย มีความพร้อมและความตั้งใจที่จะทำงานกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิเด็ก โดยเฉพาะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่หลายหน่วยงานได้มาร่วมกัน
ในวันนี้ เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มเด็กเพียงกลุ่มเป้าหมายเดียว แต่หมายรวมถึงบุคคลแวดล้อมทุกคนของเด็ก ทั้งครอบครัว เครือญาติ ชุมชน และสังคม และการสร้างสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กให้เหมาะกับวัยและการเรียนรู้เติบโตต่อไป

นอกจากนี้ กระทรวง พม. พร้อมเป็นสื่อกลางสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ
ทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ในการส่งเสริมให้มีและจัดบริการสาธารณะ โดยเฉพาะการผลักดัน
ให้ชุมชน ท้องถิ่น สามารถดูแลเด็กในครอบครัวและชุมชนของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ
และจัดบริการสาธารณะให้เพียงพอและตอบสนองความต้องการในเชิงกายภาพ พร้อมมุ่งเน้น
การส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพที่จะทำให้เด็กสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีคุณค่าต่อสังคม
ไม่ว่าจะเป็นการปกป้อง คุ้มครองเด็กให้มากกว่าการมีชีวิตอยู่รอด ทั้งยังจะต้องมีชีวิตอยู่
อย่างปลอดภัยและเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีด้วย

เอกสารอ้างอิง

เนฐิดา พันธ์ชูเพชร. (2566). พม. ร่วมแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือ หนุนอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ความเห็นทั่วไป ข้อ 26 ว่าด้วยสิทธิเด็กและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ.สืบค้น 24 กันยายน 2566, จาก https://www.m-society.go.th/news_view.php?nid=36988