แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบวอลดอร์ฟ (Waldorf Approach) ในระดับปฐมวัย

การเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟเกิดขึ้นจาก แนวคิดของ รูดอล์ฟ  สไตเนอร์  (Rudolf  Stiner) ซึ่งมีความเชื่อว่า การศึกษา คือ การช่วยคนให้ดำเนินวิถีชีวิตแห่งตนที่ถูกต้องตามธรรมชาติ  ด้วยการให้เด็กทำกิจกรรมตามที่สนใจ โดยมีครู และผู้ปกครองเป็นผู้อำนวยความสะดวก และป้องกันเด็ก
จากการเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ สิ่งที่เด็กสัมผัสต้องเป็นธรรมชาติที่สุด  ซึ่งแนวคิดของรูดอล์ฟ 
สไตเนอร์  เน้นการเรียนรู้ของเด็กอย่างเป็นธรรมชาติ  เพราะเชื่อว่าเด็กสามารถพัฒนาศักยภาพ
ของตนได้ ภายใต้การเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ  ในปัจจุบันโรงเรียนวอลดอร์ฟ  และการเรียน
การสอนแบบวอลดอร์ฟได้แพร่ขยายไปกว่า 60 ประเทศทั่วโลก 

หลักการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ 

แนวคิดแบบวอลดอร์ฟนั้น ให้ความสำคัญกับพัฒนาการของมนุษย์ โดยเน้นตั้งแต่ 0 – 21 ปี โดยสามารถแบ่งขั้นพัฒนาการได้ 3 ขั้น ขั้นละ 7 ปี ดังนี้

          แรกเกิด – 7 ปี : เรียนรู้ด้วยการกระทำ ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กมุ่งมั่นตั้งใจ
กับการกระทำความดี และจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้ดี

          7 – 14 ปี : เรียนรู้จากความประทับใจ ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กรู้สึกถึงความงาม และจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้งดงาม

          14 – 21 ปี : เรียนรู้จากการคิด ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กคิด จนเกิดปัญญา
เห็นสัจธรรม และความจริงในโลก และจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้เป็นจริง

การสอนแบบวอลดอร์ฟจะช่วยให้เด็กใช้ความคิด เข้าใจความรู้สึก และลงมือทำอย่าง
สร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความเจริญงอกงามของความรู้พร้อมสุขภาวะที่ดี

การเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ ในปฐมวัย

เด็กในช่วง 0 – 7 ปี เป็นวัยที่มีพัฒนาการทางร่างกายอย่างรวดเร็ว เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ควรได้รับการเรียนรู้และประสบการณ์ที่เหมาะสม ซึ่งวิธีที่เด็กสามารถทำเพื่อจะเรียนรู้โลกได้ คือ การทำตามแบบ ซึ่งวิธีนี้เป็นธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก และในการจัดการเรียนการสอนจะมีครูคอยดูแล และอำนวยความสะดวก เน้นการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เป็นธรรมชาติทั้งในกลางแจ้ง และในห้องเรียน ครู และผู้เรียนจะเรียนรู้ร่วมกันตามความสนใจของเด็ก  ซึ่งการเรียนการสอน
แนววอลดอร์ฟเน้นไปที่การเรียนรู้แบบธรรมชาติ จะไม่มีห้องเรียน ไม่มีกระดานดำ แต่จะมีมุมต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ได้เป็นอิสระที่จะคิดและสร้างสรรค์  วิธีการจัดการเรียนการสอนจะเป็นการ
จัดกระทำทั้งระบบตั้งแต่บรรยากาศของโรงเรียน  สิ่งแวดล้อม และห้องเรียนต้องเป็นไปตามวิถีธรรมชาติ  รวมถึงการจัดการเรียนการสอนของครู  ในขั้นตอนการสอนของครูจะมีลักษณะเฉพาะต่างจากการเรียนการสอนแบบอื่น ๆ  ตรงที่การกระตุ้นการเรียนรู้เริ่มจากการแสดงแบบให้เด็กเห็นตามบรรยากาศที่จูงใจ และครูผู้ต้องใส่ใจในรายละเอียด เพราะกิจกรรมแต่ละอย่าง เด็กอาจมีวิธีการของเขาเอง ครูไม่สามารถปิดกั้นว่าเด็กต้องทำตาม เพื่อให้เด็กรู้จักคิดเอง วิเคราะห์เอง พลิกแพลง ยืดหยุ่นเข้ากับสถานการณ์ทั้งในเชิงความคิดและวิธีการมองปัญหา

หลักในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แบบวอลดอร์ฟ

มีแบบแผนและจังหวะสม่ำเสมอ (Rhythm) : การมีแบบแผนและจังหวะของห้องเรียน อย่างสม่ำเสมอในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ และแต่ละปีการศึกษา เพื่อให้เด็กสามารถเชื่อมโยงได้ว่ากิจกรรมในลำดับต่อไปคืออะไร จะทำให้เด็กเกิดความมั่นคงในจิตใจ และสามารถดำเนินภารกิจ ให้สำเร็จได้ โดยในการจัดกิจกรรมสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์

มีการทำกิจกรรมซ้ำ (Repetition) : มีการทำกิจกรรมซ้ำ เพราะเด็กมีความต้องการทำในสิ่งเดิมซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และเกิดความรู้สึกว่าตนสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้เอง
ซึ่งความรู้สึกนี้จะพัฒนาเป็นความเชื่อมั่นในตนเอง ต่อไปในอนาคต

มีความเคารพในสรรพสิ่ง (Reverence) : การจัดบรรยากาศในห้องเรียนและการปฏิบัติตัว
ของครู ควรสะท้อนให้เห็นถึงความรัก และความเคารพในสรรพสิ่ง เข้าถึงธรรมชาติ วัฒนธรรม เทศกาล และ วิถีชุมชน สิ่งเหล่านี้จะนำพาเด็กให้กลายเป็นผู้ที่มีสำนึก รู้คุณต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว
เห็นคุณค่าของชีวิต และ การดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย

กิจกรรมพื้นฐานในอนุบาลวอลดอร์ฟ

กิจกรรมพื้นฐานเป็นกิจกรรมที่เด็กมีความต้องการอย่างสม่ำเสมอ ต้องจัดให้มีทุกวัน
ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะมีลำดับที่แน่นอนตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ ตัวอย่างกิจกรรมพื้นฐาน
ในอนุบาลวอลดอร์ฟ มีรายละเอียด ดังนี้

  1. การเล่นสร้างสรรค์ หรือการเล่นอิสระ

อนุบาลวอลดอร์ฟให้ความสำคัญกับการเล่นสร้างสรรค์โดยจัดช่วงเวลาเฉพาะสำหรับการเล่นสร้างสรรค์ ระยะเวลาสำหรับการเล่นประมาณ 1 ชั่วโมงโดยช่วงเวลาการเล่นนี้จะเป็นไปโดยอิสระ
เมื่อหมดเวลาเล่นเด็ก ๆ ทุกคนจะช่วยกันเก็บของเล่นทั้งหมดเข้าที่เดิม โดยครูจะร้องเพลง
เป็นสัญญาณให้เด็กรับรู้ พร้อมช่วยเด็กเก็บของเล่น และทำความสะอาดห้อง สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการเล่นของเด็กควรเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น และวัสดุอุปกรณ์ที่อยู่ใน
ห้องเรียน

  • กิจกรรมวงกลม กิจกรรมวงกลมเป็นกิจกรรมกลุ่มใหญ่ที่เด็กทั้งห้องทำร่วมกัน โดยมีครูเป็นผู้นำในการทำกิจกรรม เช่น กิจกรรมนิทาน กิจกรรมบทกลอน กิจกรรมการเคลื่อนไหวประกอบเพลง โดยเพลงที่ใช้ในการทำกิจกรรม อาจจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมชาติ ฤดูกาล ประเพณี หรือการทำงานในชีวิต บางครั้งเพลงที่ใช้ยังอาจเป็นนิทานเพลง ซึ่งแต่งขึ้นมาประกอบการทำกิจกรรม
    ดังกล่าวโดยเฉพาะ
  • การเล่านิทาน และการเชิดหุ่น การฟังนิทานเป็นกิจกรรมที่ต้องการความสงบ เพื่อให้เด็กมีสมาธิ และสามารถติดตามฟังเรื่องราวในนิทานได้จนจบ โดยครูจะเลือกนิทานที่เหมาะสมกับเด็ก ครูมักเล่านิทานปากเปล่ามากกว่าที่จะอ่านหนังสือนิทานให้เด็กฟัง เพราะการเล่าปากเปล่าจะทำให้สามารถสื่อสารกับเด็กได้โดยตรง สำหรับการเล่านิทานประกอบหุ่น ครูจะเล่านิทานโดยเชิดหุ่น
    ที่ประดิษฐ์ง่าย ๆ ด้วยวัสดุที่มาจากธรรมชาติ ผ้าฝ้าย นุ่น หรือใยจากขนแกะ ขนาดของหุ่น
    เหมาะกับการเชิดด้วยมือ จึงมีหุ่นแบบนี้ให้เด็ก ๆ ได้เล่นในช่วงเวลาเล่นอิสระด้วย
  • ศิลปะสีน้ำ และวาดรูปสีเทียน การทำศิลปะในอนุบาลวอลดอร์ฟจะให้อิสระในการวาดแก่เด็ก
    โดยมีครูเป็นผู้วางระเบียบในขั้นตอนการจัดเตรียมอุปกรณ์ และจะไม่ใช่การฝึกวาดภาพ หากแต่เป็นการปล่อยให้เด็กได้วาดตามจินตนาการของตน โดยครูไม่เข้าไปแทรกแซง แนะนำ วิพากษ์วิจารณ์ หรือแก้ไขภาพวาดของเด็ก โดยการทำศิลปะสีน้ำจะใช้แม่สีเพียง 3 สี คือ สีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลือง
  • การทำอาหาร การทำอาหารเด็กจะมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบจนประกอบอาหารเสร็จ เพราะจะเป็นการพัฒนาความคิด และการมองสิ่งต่าง ๆ อย่างสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
  • หัตถกรรม และงานปั้นขี้ผึ้ง งานหัตถกรรม และงานปั้นขี้ผึ้ง เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กได้มี
    โอกาสใช้จินตนาการของตนอย่างเต็มที่ จากของที่มีอยู่ในธรรมชาติ ให้กลายเป็นสิ่งต่าง ๆ
    งานหัตถกรรมแต่ละชิ้น ไม่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จในคราวเดียว เด็กอาจจะทำติดต่อกัน
    หลายสัปดาห์จนเสร็จก็ได้ เพราะสิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมให้เด็กรู้จักอดทน และรอคอย

โรงเรียนแบบวอลดอร์ฟในประเทศไทย

สำหรับในประเทศไทยมีโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟหลายแห่ง ดังนี้

อนุบาลบ้านรัก รายละเอียดเพิ่มเติม : https://shorturl.asia/2986C

โรงเรียนปัญโญทัย รายละเอียดเพิ่มเติม : https://shorturl.asia/y0Emr

โรงเรียนเพลินพัฒนา รายละเอียดเพิ่มเติม : https://shorturl.asia/peTfI

โรงเรียนแสนสนุกไตรทักษะบางมด รายละเอียดเพิ่มเติม : https://shorturl.asia/WH49y

โรงเรียนวรรณสว่างจิต รายละเอียดเพิ่มเติม : https://shorturl.asia/81tsn

โรงเรียนดุลยพัฒน์ รายละเอียดเพิ่มเติม : https://shorturl.asia/h1ZaE

การจัดการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ นับเป็นแนวการจัดการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่มีความ
น่าสนใจ เพราะสามารถตอบสนองการพัฒนาการศึกษา โดยเฉพาะในรูปแบบการศึกษายุคใหม่
ที่เน้นตัวเด็กเป็นสำคัญ ให้เด็กมีความเป็นตัวของตัวเองและมีความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างดี
การเรียนรู้แบบธรรมชาติ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีอิสระ เด็กได้สัมผัสกับการเรียนการสอนที่ให้ได้
มากกว่าความรู้ ไม่จำกัดเพียงในตำรา หรือในห้องเรียน ส่งเสริมทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย
จิตใจ และความคิด ซึ่งทำให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์

เอกสารอ้างอิง

รักลูก. (2565). โรงเรียนแนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ Waldorf เป็นยังไง?. สืบค้น 20 กุมภาพันธ์ 2566, จาก https://shorturl.asia/Dmon2

นรรัชต์ ฝันเชียร. (2562). เรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติไปกับแนววอลดอร์ฟ. สืบค้น 21 กุมภาพันธ์ 2566, จาก https://www.trueplookpanya.com/dhamma/content/74201

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2565). แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายในสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยตามบริบทไทย : แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แบบวอลดอร์ฟ (Waldorf Approach). กรุงเทพฯ : บริษัท 21 เซ็นชูรี่ จำกัด.

อัญชลีกร คำแพงทอง. (2555). การสอนแบบวอลดอร์ฟ. สืบค้น 21 กุมภาพันธ์ 2566, จาก https://shorturl.asia/YMbJ8

Wonder Valley International School. (2564). วอลดอร์ฟ (Waldorf) คืออะไร? โรงเรียนที่มีการสอนแบบวอลดอร์ฟ เป็นอย่างไร?. สืบค้น 20 กุมภาพันธ์ 2566, จาก https://shorturl.asia/quv7j