“เด็กติดในรถ” ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

“เด็กเล็กหากเด็กติดอยู่ในรถตามลำพังเป็นเวลานาน…
เด็กจะเกิดภาวะช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้ในที่สุด”

ข้อมูลจากกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังข่าวจากสื่อตั้งแต่ปี 2557-2563 พบว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีเหตุการณ์เด็กถูกลืมและถูกทิ้งให้อยู่ในรถตามลำพังจำนวน 129 เหตุการณ์ (เมื่อรวมกับ ด.ญ. อายุ 7 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา รวมเป็นทั้งสิ้น 130 เหตุการณ์) โดยในนั้นเป็นเด็กอายุ 2 ปี มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 38.0 รองลงมาคือเด็กอายุ 1 ปี คิดเป็นร้อยละ 20.9 และเด็กอายุ 3 ปี คิดเป็นร้อยละ 19.4 ตามลำดับ โดยมีเด็กเสียชีวิตจากเหตุการณ์ติดอยู่ในรถจำนวน 6 คน เป็นเพศหญิง 3 คน และเพศชาย 3 คน ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในรถรับส่งนักเรียน 5 คน และรถยนต์ส่วนบุคคล (ของครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 คน) โดยทั้งหมดถูกลืมทิ้งไว้ในรถนานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป

โดยปัจจัยหลักของสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กมาจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก เช่น คนขับรถ ผู้ดูแล หรือครูไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตรวจนับจำนวนนักเรียนทั้งตอนขึ้นและลงจากรถ เมื่อเด็กติดอยู่ในรถแล้วนำรถไปจอดในที่ที่มีแดดระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง อุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 10 องศาเซลเซียส แต่หากจอดไว้กลางแดดนานหลายชั่วโมง อุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 40-50 องศาเซลเซียส จะทำให้เด็กที่ติดอยู่ในรถเกิดอาการฮีทสโตรก (Heatstroke) หรือเกิดภาวะเลือดเป็นกรด การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นระบบหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด หรือการทำงานของไต จนทำให้เด็กเสียชีวิตในที่สุด

กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรึกษาร่วมกันและสมควรให้ปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2562 ขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการรักษาความปลอดภัยของรถยนต์ที่ใช้ในการรับจ้าง รับส่งนักเรียน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงได้ออกระเบียบดังกล่าว ซึ่งสาระสำคัญของระเบียบดังกล่าวนั้น เป็นการกำหนดลักษณะของรถโรงเรียนที่จะสามารถนำมาใช้รับส่งนักเรียนได้ โดยจะมีการกำหนดเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุหรือมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น กำหนดสีของรถซึ่งจะต้องใช้สีตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเท่านั้น รวมถึงกำหนดหน้าที่ผู้ดำเนินกิจการรถโรงเรียน กำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของพนักงานขับรถโรงเรียน และรวมไปถึงผู้ควบคุมดูแลนักเรียน

และเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จึงได้นำเทคโนโลยี IoT Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว และคลื่นความร้อนของเด็กนักเรียนที่อยู่ในรถมาใช้งาน หากมีการลืมเด็กนักเรียนไว้ในรถ Sensor นี้ก็จะทำงานโดยจะแจ้งเตือนข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้ปกครอง ของครู และแจ้งเตือนไปที่ศูนย์บัญชาการของระบบ ทำให้สามารถรู้ได้ว่ามีการลืมเด็กไว้ในรถนักเรียน เจ้าหน้าที่ก็จะรีบนำเด็กออกมาจากรถได้ทันเวลา ซึ่งระบบนี้เรียกว่า Smart School Bus โดยได้ทำโครงการนำร่องไปแล้วกว่า 3,500 คัน ทั่วประเทศ และจะผลักดันให้ติดตั้งระบบในรถโรงเรียนทุกคันให้สำเร็จภายในปีนี้

อย่างไรก็ตามแม้ในเบื้องต้นจะมีมาตรการในการป้องกันเด็กติดอยู่ในรถจากหน่วยงานต่าง ๆ มาคอยช่วยเหลือ แต่ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็กโดยตรงอย่าง คนขับรถ ครู หรือผู้ดูแลเด็ก จะต้องคอยนับจำนวนเด็กก่อนขึ้นและหลังลงจากรถทุกครั้ง และก่อนนำรถไปจอดทิ้งไว้ควรตรวจตราความเรียบร้อยภายในตัวรถให้ทั่วถึงว่ามีเด็กหลับหรือตกค้างอยู่ในรถหรือไม่ และที่สำคัญอย่าทิ้งเด็กไว้ลำพังในรถเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากทุกฝ่ายคอยประสานร่วมมือกัน ตระหนักถึงบทบาทและรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ปัญหาเด็กติดอยู่ในรถก็จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป


เรื่องและภาพ : กิตติพันธ์ ไชยสาร

เอกสารอ้างอิง

  • PPTV Online. (2565). สถิติพบเด็กเสียชีวิต ในรถตู้เฉลี่ยปีละ 1 คน. สืบค้น 4 กันยายน 2565, จาก https://www.pptvhd36.com/news/%
    E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/179674
  • TNN ONLINE. (2565). ถอดบทเรียน “เด็กติดในรถ” เร่งติดระบบ “Smart school bus” ให้รร.ทั่วประเทศ”. สืบค้น 4 กันยายน 2565, จาก https://www.tnnthailand.com/news/social/123800/c]t
  • กรุงเทพธุรกิจ (2565). ย้อนสถิติ 7 ปีเกิดกรณี “ลืมเด็กในรถ” 129 ครั้ง ก่อนซ้ำรอยเหตุสลดรายล่าสุด. สืบค้น 4 กันยายน 2565, จาก https://www.bangkokbiznews.com/social/1024106
  • การขนส่งทางบก, กรม. (2559). การขออนุญาตนำรถไปรับจ้างรับส่งนักเรียน. สืบค้น 10 กันยายน 2565, จาก https://www.dlt.go.th/th/vehicle-registration/view.php?_did=45
  • ข่าวไทยพีบีเอส. (2565). ย้อนสถิติ 9 ปี ลืมเด็กในรถ แนะ 3 ข้อต้องทำก่อนขึ้น-ลงรถ. สืบค้น 4 กันยายน 2565, จาก https://news.
    thaipbs.or.th/content/318945
  • ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2562. 6 ธันวาคม 2562. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 136 ตอนพิเศษ 300 ง, หน้า 1-5.
  • สถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย FM 101.5 MHz. (2565). กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผลักดันโครงการพัฒนาระบบ Smart School Bus ซึ่งจะนำเทคโนโลยี IoT Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว และคลื่นความร้อนของเด็กนักเรียนที่อยู่ในรถ. สืบค้น 4 กันยายน 2565, จาก https://curadio.chula.ac.th/v2022/breaking-news/detail/?v24